หัวข้อ   “ ความเชื่อมั่นต่อการเปลี่ยนแปลงหลังมีสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)
ประชาชนส่วนใหญ่ 65.9% มีความสนใจมากถึงมากที่สุดที่จะติดตามข่าวความคืบหน้าการปฏิรูปประเทศของ สปช.
62.6% เชื่อว่าหลังการปฏิรูปปัญหาต่างๆ จะยังคงมีเหมือนเดิมหรือดีขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
90.4% เห็นควรว่า คสช. สนช. และ สปช. ควรยื่นเปิดเผยทรัพย์สินต่อสาธารณชน
 
 
 
ดีมาก (5)
ดี (4)
ปานกลาง (3)
พอใช้ (2)
แย่ (1)
 
 
                 ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) สำรวจความคิดเห็น
ประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เรื่อง “ความเชื่อมั่นต่อการเปลี่ยนแปลง
หลังมีสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)” พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 65.9
มีความสนใจมากถึงมากที่สุดที่จะติดตามข่าวความคืบหน้าการปฏิรูปประเทศ
โดยสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ที่กำลังจะเกิดขึ้น
ขณะที่ร้อยละ 34.1 สนใจและ
ติดตามน้อยถึงน้อยที่สุด
 
                  เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)
ว่าจะสามารถปฏิรูปประเทศไทยให้เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้ชัดเจน
มากน้อยเพียงใดพบว่า ในภาพรวมประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 62.6 เชื่อว่า
หลังการปฏิรูป ปัญหาต่างๆ จะยังคงมีเหมือนเดิมหรือดีขึ้นเพียงเล็กน้อย
เท่านั้น
ขณะที่ร้อยละ 37.4 เชื่อว่าจะเปลี่ยนแปลงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงด้านที่ประชาชนเชื่อมั่นว่าจะเปลี่ยนแปลง
ได้ชัดเจนมากที่สุดพบว่าเป็นด้านการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง
(ร้อยละ 45.9)
รองลงมาเป็นด้านการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น(ร้อยละ 44.3)
และด้านการศึกษา การเรียนรู้ และภูมิปัญญา (ร้อยละ 35.5) ส่วนด้านที่ประชาชน
เห็นว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงดีขึ้นอย่างชัดเจนน้อยที่สุดคือ ด้านการลด
ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม (ร้อยละ 29.7 )
และด้านการสร้างระบบ
การเลือกตั้งที่ดี/ไม่มีนโยบายประชานิยมแบบสุดโต่ง/ไม่มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง
(ร้อยละ 31.6)
 
                  เมื่อถามต่อว่า “เห็นด้วยหรือไม่ที่พรรคการเมืองใหญ่อย่างพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย
ไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)” ร้อยละ 45.2 บอกว่า “เห็นด้วย”
ขณะที่ร้อยละ 39.4 “ไม่เห็นด้วย”
และร้อยละ 15.4 “ไม่แน่ใจ”
 
                 นอกจากนี้ประชาชนร้อยละ 90.4 ยังเห็นว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สภานิติบัญญัต
ิแห่งชาติ (สนช.) และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ควรยื่นและเปิดเผยทรัพย์สินต่อสาธารณชน
มีเพียงร้อยละ 4.1
ที่เห็นว่าไม่ควร และร้อยละ 5.5 ไม่แน่ใจ
 
                 สุดท้ายเมื่อถามว่า เชื่อมั่นมากน้อยเพียงใดว่าคณะกรรมการสรรหาสภาปฏิรูปแห่งชาติ จะสามารถ
คัดเลือกผู้สมัครสมาชิก สปช. อย่างยุติธรรมและโปร่งใส ส่วนใหญ่ร้อยละ 63.6 บอกว่าเชื่อมั่นมากถึงมากที่สุด

ขณะที่ร้อยละ 36.4 เชื่อมั่นน้อยถึงน้อยที่สุด
 
 
                 ดังรายละเอียดในตารางต่อไปนี้
 
             1. ความสนใจที่จะติดตามข่าวความคืบหน้าการปฏิรูปประเทศโดยสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)
                 ที่กำลังจะเกิดขึ้น


 
ร้อยละ
สนใจและติดตามมากถึงมากที่สุด
(โดยแบ่งเป็นมากที่สุดร้อยละ 14.6 และมากร้อยละ 51.3)
65.9
สนใจและติดตามน้อยถึงน้อยที่สุด
(โดยแบ่งเป็นน้อยร้อยละ 25.5 และน้อยที่สุดร้อยละ 8.6)
34.1
 
 
             2. ความเชื่อมั่นต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่จะปฏิรูปประเทศไทยในด้านสำคัญต่างๆ ต่อไปนี้
                 ให้สามารถเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้ชัดเจนมากน้อยเพียงใด

ด้าน
เชื่อว่าจะเหมือนเดิมหรือ
ดีขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
(ร้อยละ)
เชื่อว่าจะเปลี่ยนแปลง
ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
(ร้อยละ)
การแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง
54.1
45.9
การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น
55.7
44.3
การศึกษา การเรียนรู้ และภูมิปัญญา
64.5
35.5
การสร้างระบบการเลือกตั้งที่ดี/
ไม่มีนโยบายประชานิยมแบบสุดโต่ง/
ไม่มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง
68.4
31.6
การลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ
และสังคม
70.3
29.7
เฉลี่ยรวมทุกด้าน
62.6
37.4
 
 
             3. ความเห็นต่อข้อคำถามที่ว่า “ท่านเห็นด้วยหรือไม่ที่พรรคการเมืองใหญ่อย่างพรรคประชาธิปัตย์
                 และพรรคเพื่อไทย ไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)”

 
ร้อยละ
เห็นด้วย
45.2
ไม่เห็นด้วย
39.4
ไม่เเน่ใจ
15.4
 
 
             4. ความเห็นต่อข้อคำถามที่ว่า “ท่านคิดว่าสมาชิกของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
                 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ควรยื่นและเปิดเผยทรัพย์สิน
                 ต่อสาธารณชนหรือไม่”

 
ร้อยละ
เห็นว่าควรยื่นและเปิดเผยทรัพย์สินต่อสาธารณชน
90.4
เห็นว่าไม่ควรยื่นและเปิดเผยทรัพย์สินต่อสาธารณชน
4.1
ไม่เเน่ใจ
5.5
 
 
             5. ความเชื่อมั่นต่อคณะกรรมการสรรหาสภาปฏิรูปแห่งชาติ ว่าจะสามารถคัดเลือกผู้สมัครสมาชิก สปช.
                 อย่างยุติธรรมและโปร่งใสมากน้อยเพียงใด


 
ร้อยละ
เชื่อมั่นมากถึงมากที่สุด
(โดยแบ่งเป็นมากที่สุดร้อยละ 10.9 และมากร้อยละ 52.7)
63.6
เชื่อมั่นน้อยถึงน้อยที่สุด
(โดยแบ่งเป็นน้อยร้อยละ 27.2 และน้อยที่สุดร้อยละ 9.2)
36.4
 
 
รายละเอียดในการสำรวจ
วัตถุประสงค์ในการสำรวจ:
                 - เพื่อสะท้อนความเห็นของประชาชนต่อความสนใจที่จะติดตามข่าวความคืบหน้าการปฏิรูปประเทศ
                 - เพื่อสะท้อนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ที่จะปฏิรูปประเทศไทย
                   ในด้านสำคัญต่างๆ ให้สามารถเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้ชัดเจนเพียงใด
                 - เพื่อสะท้อนความเห็นของประชาชนต่อการยื่นและเปิดเผยทรัพย์สินต่อสาธารณชนของสมาชิก
                   คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)
 
ประชากรที่สนใจศึกษา:
                  การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างจากประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป โดยการสุ่มสัมภาษณ์
ทางโทรศัพท์จากฐานข้อมูลของกรุงเทพโพลล์ ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบ Simple Random Sampling แล้วใช้วิธี
การถ่วงน้ำหนักด้วยข้อมูลประชากรศาสตร์จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ
 
ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error):
                  ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน  3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
 
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล:
                  ใช้การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน
ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) และได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์
ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
 
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล:  : 14 - 15 สิงหาคม 2557
 
วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ: 16 สิงหาคม 2557
 
สรุปข้อมูลพื้นฐานของกลุ่มตัวอย่าง:
ตารางข้อมูลประชากรศาสตร์
 
จำนวน
ร้อยละ
เพศ:
   
             ชาย
618
50.6
             หญิง
604
49.4
รวม
1,222
100.0
อายุ:
 
 
             18 – 30 ปี
212
17.3
             31 – 40 ปี
307
25.1
             41 – 50 ปี
339
27.8
             51 – 60 ปี
238
19.5
             61 ปีขึ้นไป
126
10.3
รวม
1,222
100.0
การศึกษา:
 
 
             ต่ำกว่าปริญญาตรี
854
69.9
             ปริญญาตรี
303
24.8
             สูงกว่าปริญญาตรี
65
5.3
รวม
1,222
100.0
อาชีพ:
   
             ลูกจ้างรัฐบาล
166
13.6
             ลูกจ้างเอกชน
273
22.4
             ค้าขาย/ ทำงานส่วนตัว/ เกษตรกร
523
42.8
             เจ้าของกิจการ/ นายจ้าง
59
4.8
             ทำงานให้ครอบครัว
2
0.2
             พ่อบ้าน / แม่บ้าน / เกษียณอายุ
149
12.2
             นักเรียน/ นักศึกษา
34
2.8
             ว่างงาน/ รอฤดูกาล/ รวมกลุ่ม
16
1.2
รวม
1,222
100.0
 
ติดตามกรุงเทพโพลล์ผ่าน twitter ได้ที่  twitter bangkokpoll
Download PDF file:  
 
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์)    โทร. 0-2350-3500 ต่อ 1770-1776